ลมพัดพราวก็หนาวช่อจนกอไหว
เจ้าดอกอ้อยของท้องไร่จึงไกวช่อ
ลมก็หยอกหมอกก็เย้าเคล้าพนอ
หนาวแล้วหนอช่ออ้อยขาว หนาวกำจาย
รรรงมเสียงสะอื้นร้าวในหนาวนั้น
ใครกันหนอใครกันฝันสลาย
แว่วกังวานสะท้านเรียบยะเยียบกาย
เขาแพ้พ่ายมาจากไหน,ที่ใดกัน
ฟังเขาเล่าเรื่องราวช่างร้าวนัก
เสียงสะอื้นอึกอักของนักฝัน
กลืนน้ำตาอยู่คราหนึ่ง จึงรำพัน
ปาดน้ำตาอยู่ครานั้น ก็รรรงม
"ผาลตก ยกร่อง ท้องไร่
แปรไถ ลงดะ ประสม
ดินงาม น้ำดู อุดม
เหมาะสม ห่มพันธุ์ ทันโต
ตัดพันธุ์ บั่นโคน โยนกอง
ตาติด ลิดปล้อง กองโข
สับข้อ ต่อลำ กำโต
ใส่หาบ อาบโซ เหงื่อไคล
หลังสั่น พันธุ์อ้อย เต็มเข่ง
รีบเร่ง เดินดั่ง ยังไหว
วางหาบ อาบเหงื่อ เหลือใจ
ยิ้มให้ ผลงาน การมือ
เริ่มสาน งานใหม่ ในวันพรุ่ง
ย่ำมุ่ง รุ่งแรก แบกถือ
จอบจับ สับงาน กร้านมือ
เหลือคือ รอฝน หล่นฟ้า"
เขาเล่าว่าปีนั้นฟ้าก็หนาฝน
น้ำในคลองนองล้นด้วยฝนฟ้า
ดินก็ฉ่ำน้ำก็ชุ่ม,จึงตุ่มตา
ผลิกลีบกล้ารอยแรกในแยกดิน
"จากศอก ออกช่อ ต่อวา
เติบกล้า แตกพุ่ม ชุ่มสินธ์
ชอนราก แตกตา หากิน
หยัดดิน เต็มไร่ ในตา"
ลมพัดพราวหนาวช่อจนกอไหว
เขาเล่าไปร้องไปช่างไหวกว่า
อ้อยรอตัดมัดนี้ไม่กี่ราคา
แค่ค่าปุ๋ยค่ายา,เหมือนฆ่ากัน!
"ลงปุ๋ย ลงยา มามาก
หวังฝาก เพียงพอ ทอฝัน
เลี้ยงลูก เลี้ยงเต้า เท่านั้น
มุ่งมั่น แลกเหงื่อ เพื่ออะไร?"
เสียงสะอื้นก็ร้องราวว่าหนาวนั้น
จะหนาวสั่นหนาวร้าวกว่าหนาวไหน
ดอกอ้อยขาวน้าวลมระบมใจ
ฤดูกาลผาลลงไถ กำลังมา!
.....
21 ม.ค. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น