อัสดงส่งแสงสีแดงเหลือง
ลมลอยเอื้องแผ่วผะทะผิวผืน
ชั่วขณะ ณ ตะวันบรรจบพื้น
และลอกคลื้นเคลื่อนคลอ ต่อต่อกัน
ทรายละมุนจึงหนุนนั่งลงทั้งร่าง
ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง กระทั่งฝัน
ปลดอารมณ์มาชมชื่นผืนตะวัน
ที่แบ่งสรรผันอีกร่างกลางนที
เสพ ซึม ซับ สรรพสิ่งอยู่นิ่งเงียบ
พิจความเรียบที่ผลิบานผ่านวิถี
กระเซ็นคลื่นกล่อมกมลทิพย์ดนตรี
กระซ่านทีดุจวรรคร้อยถ้อยทำนอง
อัสดงยังคงแสงแต่แรงล้า
ทอดกายา,ฟ้าโรยแรง,แสงระหอง
ขลิบขอบเขาเข้าเทาทบกลบขลิบทอง
ประดุจมองเหมือนภาพศิลป์ในจินตนาฯ
ตะวันผละเตรียมจะลงตรงปลายเขา
จันทร์รางเงาอยู่รำไรในเวหา
ซ่อนซบเมฆอยู่เฉกเช่น,คอยเวลา
ผัดเปลี่ยนหน้ากับตะวันในทันใด
กระพริบดาวเริ่มพราวพริ้มยิ้มระรื่น
อีกดึกดื่นจะคืนค่ำย่ำสมัย
อัสดงก็คงแสงอยู่รำไร
ช่างจับใจ ในความงาม ท่ามฯทะเล
27 ก.ย. 2550
7 ก.ย. 2550
ฤดูนครแล้ง
ลมแผ่วผ่าวอ้าวอ้างอย่างเฉื่อยเฉื่อย
กลิ่นซากเปื่อยลอยคลุ้งฟุ้งกระแส
มหาเมืองมอดดับดั่งลับแล
เหลือไว้แต่เศษซากเงาเท่าที่เห็น
องค์อากาศธาตุดีดีไม่มีเหลือ
ฝุ่นควันเจือทุกอณูดูเน่าเหม็น
มวลอากาศปราศจากความเป็น
สูดเข้าเส้นสักสองทีถึงที่ตาย
คลองเคี้ยวคดอย่างหมดสารรูป
น้ำจะสูบสักเพียงหยดก็หดหาย
มีเหลือบ้างกระด่างดำ,กลืนน้ำลาย
ดับกระหาย(หรือ)ละลายไส้ ไม่อยากเดา
ปูนระแหงด้วยแรงแดดที่แผดผ่า
เสาไฟฟ้ายืนหมดแรงอย่างแห้งเฉา
ทางด่วนด่วนด้วนวิ่นและสิ้นเงา
ตึกร้างเศร้าเซาซบ ไม่พบคน
ท้องถนนนอนนิ่งไม่ติงไหว
ทอดอาลัยตายอยากซากถนน
บาทวิถีไร้วี่แววของผู้คน
ทุกแห่งหนเหมือนเงียบงัน รอวันตาย
ฤดูแล้งแห่งเมืองที่เฟื่องฟู
กลับเข้าสู่ความระแหงที่แห้งหาย
กลิ่นซากเน่าเคล้าตลบ ศพคนตาย!
ผู้ทำลาย ทั้งหลาย อยู่ในนั้น!
แด่เมือง
กลิ่นซากเปื่อยลอยคลุ้งฟุ้งกระแส
มหาเมืองมอดดับดั่งลับแล
เหลือไว้แต่เศษซากเงาเท่าที่เห็น
องค์อากาศธาตุดีดีไม่มีเหลือ
ฝุ่นควันเจือทุกอณูดูเน่าเหม็น
มวลอากาศปราศจากความเป็น
สูดเข้าเส้นสักสองทีถึงที่ตาย
คลองเคี้ยวคดอย่างหมดสารรูป
น้ำจะสูบสักเพียงหยดก็หดหาย
มีเหลือบ้างกระด่างดำ,กลืนน้ำลาย
ดับกระหาย(หรือ)ละลายไส้ ไม่อยากเดา
ปูนระแหงด้วยแรงแดดที่แผดผ่า
เสาไฟฟ้ายืนหมดแรงอย่างแห้งเฉา
ทางด่วนด่วนด้วนวิ่นและสิ้นเงา
ตึกร้างเศร้าเซาซบ ไม่พบคน
ท้องถนนนอนนิ่งไม่ติงไหว
ทอดอาลัยตายอยากซากถนน
บาทวิถีไร้วี่แววของผู้คน
ทุกแห่งหนเหมือนเงียบงัน รอวันตาย
ฤดูแล้งแห่งเมืองที่เฟื่องฟู
กลับเข้าสู่ความระแหงที่แห้งหาย
กลิ่นซากเน่าเคล้าตลบ ศพคนตาย!
ผู้ทำลาย ทั้งหลาย อยู่ในนั้น!
แด่เมือง
5 ก.ย. 2550
เสียงถิ่น-กลิ่นบ้าน
เสียงเจื้อยแจ้วแว่วขานขับรับวันใหม่
ละอองไอข้าวเตาดินส่งกลิ่นฉุย
เสียงพริกโขลกตำแกงส้มต้มผักลุย
เสียงเจ้าทุยสีข้างคั่นที่กั้นคอก
อีกฟ้าสางย่างมาเยือนที่เรือนถิ่น
กลิ่นไอดินฟุ้งกลิ่นหนาวคราวเคล้าหมอก
กลิ่นยอดข้าวเจือลมเย็นเป็นระลอก
กลิ่นมวลดอกเจ้าจำปีที่ชายคา
เสียงไต่ถามตามสำทับเสียงลับจอบ
กลิ่นหมวกงอบตากน้ำค้างที่ข้างฝา
เสียงเอี้ยงเอ่ยขับบรรเลงเพลงสกุณา
กลิ่นเนื้อปลาโขลกผสมกับต้มแกง
อรุณใหม่ส่งกลิ่นหอมพร้อมกับเสียง
ทุกสำเนียงทุกคลุ้งกรุ่นละมุนแฝง
วิถีทางย่างย่ำด้วยน้ำแรง
สีสันแห่งน้ำพักนักทำกิน
เปิดคอกควายตอนแรงสายเมื่อคลายสาง
เหน็บสีข้างเคียวคมวับลับกับหิน
จอบแบกบ่าเป็นอาวุธไว้ขุดดิน
วิถีถิ่น กลิ่นบ้าน ตระการตา
ละอองไอข้าวเตาดินส่งกลิ่นฉุย
เสียงพริกโขลกตำแกงส้มต้มผักลุย
เสียงเจ้าทุยสีข้างคั่นที่กั้นคอก
อีกฟ้าสางย่างมาเยือนที่เรือนถิ่น
กลิ่นไอดินฟุ้งกลิ่นหนาวคราวเคล้าหมอก
กลิ่นยอดข้าวเจือลมเย็นเป็นระลอก
กลิ่นมวลดอกเจ้าจำปีที่ชายคา
เสียงไต่ถามตามสำทับเสียงลับจอบ
กลิ่นหมวกงอบตากน้ำค้างที่ข้างฝา
เสียงเอี้ยงเอ่ยขับบรรเลงเพลงสกุณา
กลิ่นเนื้อปลาโขลกผสมกับต้มแกง
อรุณใหม่ส่งกลิ่นหอมพร้อมกับเสียง
ทุกสำเนียงทุกคลุ้งกรุ่นละมุนแฝง
วิถีทางย่างย่ำด้วยน้ำแรง
สีสันแห่งน้ำพักนักทำกิน
เปิดคอกควายตอนแรงสายเมื่อคลายสาง
เหน็บสีข้างเคียวคมวับลับกับหิน
จอบแบกบ่าเป็นอาวุธไว้ขุดดิน
วิถีถิ่น กลิ่นบ้าน ตระการตา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)