ลมแผ่วผ่าวอ้าวอ้างอย่างเฉื่อยเฉื่อย
กลิ่นซากเปื่อยลอยคลุ้งฟุ้งกระแส
มหาเมืองมอดดับดั่งลับแล
เหลือไว้แต่เศษซากเงาเท่าที่เห็น
องค์อากาศธาตุดีดีไม่มีเหลือ
ฝุ่นควันเจือทุกอณูดูเน่าเหม็น
มวลอากาศปราศจากความเป็น
สูดเข้าเส้นสักสองทีถึงที่ตาย
คลองเคี้ยวคดอย่างหมดสารรูป
น้ำจะสูบสักเพียงหยดก็หดหาย
มีเหลือบ้างกระด่างดำ,กลืนน้ำลาย
ดับกระหาย(หรือ)ละลายไส้ ไม่อยากเดา
ปูนระแหงด้วยแรงแดดที่แผดผ่า
เสาไฟฟ้ายืนหมดแรงอย่างแห้งเฉา
ทางด่วนด่วนด้วนวิ่นและสิ้นเงา
ตึกร้างเศร้าเซาซบ ไม่พบคน
ท้องถนนนอนนิ่งไม่ติงไหว
ทอดอาลัยตายอยากซากถนน
บาทวิถีไร้วี่แววของผู้คน
ทุกแห่งหนเหมือนเงียบงัน รอวันตาย
ฤดูแล้งแห่งเมืองที่เฟื่องฟู
กลับเข้าสู่ความระแหงที่แห้งหาย
กลิ่นซากเน่าเคล้าตลบ ศพคนตาย!
ผู้ทำลาย ทั้งหลาย อยู่ในนั้น!
แด่เมือง
7 ก.ย. 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
1 ความคิดเห็น:
นครแร้ง
เมืองหนึ่งมีตึกระฟ้า
สร้างมาระดะดกดื่น
สว่างทั้งกลางวันกลางคืน
ที่ยืนหาแทบยากเย็น
ผู้คนเบียดเสียดขนัด
แน่นนุงแออัดขัดเข็น
ปากกัดตีนเขี่ยลำเค็ญ
รีดเร้นแรงใจไปวันวัน
อากาศเน่าเหม็นเอียนขย้อน
ผงฝุ่นฟุ้งฟ่อนเฟือนหวัน
คลุมคลุ้มอบอวนล้วนควัน
สูบเป่าใส่กันบรรลัย
อาหารมีแต่สารพิษ
สิ้นคิดเข่นฆ่าหน้าใส
พากันตกตายตามไป
ไม่เหลือแม้ใครเผาซาก
กลายศพเกลื่อนเมืองกองก่าย
ล้วนตายลืมตาอ้าปาก
ชืดแข็งแห้งเห็นเย็นยาก
ไหลหลากเลือดหนองนองลาม
กลิ่นคาวคละคลุ้งตลบ
หืนศพคลื่นเหียนเอียนหลาม
โชยยังฝูงแร้งมูมมาม
บินมาห่าตามทะมึนเมือง
โผเกาะตึกสูงเสียดฟ้า
มองหาอาหารในน้ำเหลือง
เต็มพื้นดื่นไปไม่ฝืดเคือง
ยึดเมืองเป็นเย้าเฝ้าจิกกิน
จึ่งแร้งอยู่ตึกระฟ้า
หรูหราร่ำรวยด้วยทรัพย์สิน
อาหารมากล้นบนพื้นดิน
มีกินอิ่มหมีพีมัน
แต่งตัวผูกไท้ใส่สูตร
ปร้าดปรู้ดบินไปไม่ใช่ฝัน
ห้องชุดล้ำสมัยสบายครัน
แร้งมันร่วมมือลงสัตยาบัน
แบ่งกินแบ่งใช้ไม่แย่ง
ไม่มั่วไม่ตะแบงแข่งขัน
ค่อยจิกค่อยกินด้วยกัน
อาหารทั้งนั้นเกลื่อนตา
เวลาผ่านไปไม่นาน
อาหารเริ่มร่อยเริ่มต้องหา
วันหนึ่งหมดซากให้เจรจา
แร้งเริ่มมองตากันเอง ฯ
แสดงความคิดเห็น