27 ก.ย. 2550

รอยต่อ...

อัสดงส่งแสงสีแดงเหลือง
ลมลอยเอื้องแผ่วผะทะผิวผืน
ชั่วขณะ ณ ตะวันบรรจบพื้น
และลอกคลื้นเคลื่อนคลอ ต่อต่อกัน


ทรายละมุนจึงหนุนนั่งลงทั้งร่าง
ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง กระทั่งฝัน
ปลดอารมณ์มาชมชื่นผืนตะวัน
ที่แบ่งสรรผันอีกร่างกลางนที


เสพ ซึม ซับ สรรพสิ่งอยู่นิ่งเงียบ
พิจความเรียบที่ผลิบานผ่านวิถี
กระเซ็นคลื่นกล่อมกมลทิพย์ดนตรี
กระซ่านทีดุจวรรคร้อยถ้อยทำนอง


อัสดงยังคงแสงแต่แรงล้า
ทอดกายา,ฟ้าโรยแรง,แสงระหอง
ขลิบขอบเขาเข้าเทาทบกลบขลิบทอง
ประดุจมองเหมือนภาพศิลป์ในจินตนาฯ


ตะวันผละเตรียมจะลงตรงปลายเขา
จันทร์รางเงาอยู่รำไรในเวหา
ซ่อนซบเมฆอยู่เฉกเช่น,คอยเวลา
ผัดเปลี่ยนหน้ากับตะวันในทันใด


กระพริบดาวเริ่มพราวพริ้มยิ้มระรื่น
อีกดึกดื่นจะคืนค่ำย่ำสมัย
อัสดงก็คงแสงอยู่รำไร
ช่างจับใจ ในความงาม ท่ามฯทะเล

1 ความคิดเห็น:

DiN กล่าวว่า...

รอยตัด
อัสดงอ่อนแสงสีแดงหม่น
ดูราวคนเศร้าสร้อยละห้อยหา
เกินซานซมล้มพับกับเวลา
จนน้ำตาไม่พอให้คลอครวญ

ผ่านทิวายังชื่นได้รื่นจิต
มีมิ่งมิตรสกุณามาเสสรวล
ระเริงร้องร่ายรำทำกระบวน
พอชื่นชวนกล่อมใจไปวันวัน

แต่ราตรีสิเสียงจังหรีดเรียก
เหมือนเสียงเพรียกในอกสะทกขวัญ
นิ่งฟังยิ่งเจ็บย้ำช้ำจาบัลย์
เมื่อไรกันผ่านคืนไม่ตื่นตา

อัสดงทีไรหัวใจเศร้า
คอยปลุกเร้ารอยเจ็บเหน็บผวา
รอยตัดแห่งราตรีกับทิวา
เหมือนมีดมาตัดลงตรงเนื้อใจ ฯ