เสียงหวีดหวิวปลิวลมระทมเรื่อง
ใบบิดปลิดเหลืองสู่เบื้องล่าง
ก้านกิ่งโกร๋นเกรียนเตียนทาง
ชะโรยลมสะอื้นว้างหว่างตุ่มตา
เปลือกกร้านผ่านโลกอย่างโชกโชน
เขียวใบเคยไหวโอนโยนหยอกฟ้า
ก้านกิ่งเคยอิงเนาเหล่านกกา
รากอ่อนชอนท้าประดาดิน
เคยแปลงแดดเป็นแผดเงาให้เขาซุก
คลอดผลสุกเป็นลูกเรื่อก็เผื่อสิ้น
ผลแห่งเราปวงเขาก็เคยกิน
ระแหงดินก็เคยซับให้ดับไอ
ลมวิปโยคกระโชกชั้นเคยกันบัง
น้ำหลากหลั่งท่วมทับเคยซับให้
อากาศเน่าก็เข้ารับเคยซับใบ
อากาศใหม่ให้คืนเขาเราก็ทำ
เสียงหวีดหวิวปลิวลมผสมขื่น
เสียงสะอื้นกลืนแน่นในแก่นช้ำ
สั่นสะท้านน่านป่าพนาธรรมฯ
วีระกรรมแห่งเราเขาไม่เห็น
พลันเสียงนั้นก็พลันลบด้วยกลบเสียง
แห่งสำเนียงเครื่องยนต์อันข้นเค้น
คำรามก้องกลืนกระเดือกยะเยือกเย็น
ขบซี่เน้นเตรียมขย้ำอยู่ตำตา
น้ำตาหว่างต่างตุ่มค่อยสุมเอ่อ
เรียวกิ่งเผลอสั่นกลัวรัวผวา
หยาดหยดยวงร่วงพร่างหว่างตุ่มตา
เนื้อแก่นกล้าหนาวอกสะทกทรวง
คั่นฯ
28 พ.ย. 2550
จดหมายจากปลายขนำ/พี่ท่านธุลีดิน
☉ในราตรีตรงนี้ไม่มีแสง
เรื่อยสายลมโรยแรงมาแฝงฝัน
ยังลืมตาผวาตื่นผ่านคืนวัน
สงัดงันในโลกสงบเงา
รัตติกาลคลี่ม่านมานานเนิ่น
ยังคล้ายเพลินย่ำไปในความเหงา
กระซิบเสียงเสภามาแผ่วเบา
จึงแนบเนามิตรอักษรเป็นคอนเคียง
ในโลกฝันอันร้างอ้างว้างนัก
ได้พิงพักดวงใจแม้ไร้เสียง
อุ่นอักษรกลอนหวานจารจำเรียง
ก็สุขเพียงสวรรค์วิมานแมน
ป่านฉะนี้ส้มลิ้มคงหลับฝัน
แลท่านคั่นก็คงกรนจนสุขแสน
ณ ราตรีกระจ่างทั้งดินแดน
คงเหมือนแม้นอมฤตดุสิตา
เรื่อยสายลมโชยช้ามาฉ่ำชื่น
เย็นระรื่นคืนคล้อยละห้อยหา
ผ่านราตรีอีกครู่สู่ทิวา
ฝากสายลมอักษรามากล่อมนอน ฯ
เรื่อยสายลมโรยแรงมาแฝงฝัน
ยังลืมตาผวาตื่นผ่านคืนวัน
สงัดงันในโลกสงบเงา
รัตติกาลคลี่ม่านมานานเนิ่น
ยังคล้ายเพลินย่ำไปในความเหงา
กระซิบเสียงเสภามาแผ่วเบา
จึงแนบเนามิตรอักษรเป็นคอนเคียง
ในโลกฝันอันร้างอ้างว้างนัก
ได้พิงพักดวงใจแม้ไร้เสียง
อุ่นอักษรกลอนหวานจารจำเรียง
ก็สุขเพียงสวรรค์วิมานแมน
ป่านฉะนี้ส้มลิ้มคงหลับฝัน
แลท่านคั่นก็คงกรนจนสุขแสน
ณ ราตรีกระจ่างทั้งดินแดน
คงเหมือนแม้นอมฤตดุสิตา
เรื่อยสายลมโชยช้ามาฉ่ำชื่น
เย็นระรื่นคืนคล้อยละห้อยหา
ผ่านราตรีอีกครู่สู่ทิวา
ฝากสายลมอักษรามากล่อมนอน ฯ
25 พ.ย. 2550
สหายแม่นางส้มลิ้ม
*ในราตรีมีแสงด้วยแรงเดือน
เสมอเสมือนจันทราจักปราศรัย
ด้วยถ้อยคำพร่ำรักจากดวงใจ
สู่ดาราสกาวใสในนภา
*วายุพัดผิวแผ่วแว่วลมโบก
สงบโลกปลอบดินถึงถิ่นฟ้า
นิทรารมย์ห่มหุ้มดวงวิญญา
แนบโลกาด้วยแสงฉายจากกายจันทร์
*กรุ่นกมลอลอวลด้วยมวลไม้
กลิ่นกำจายรายล้อมกล่อมขวัญ
รัญจวนใจให้คนึงซึ่งสุขสันต์
ในคืนวันอันสงบจบทิวา
*แว่วยินเสียงร้องริกกระซิกกระซิบ
มีแสงวิบวับวาวพราวเวหา
มวลแมลงแข่งรับขับดุริยา
หิ่งห้อยน้อยล่องลอยมาพาคำนึง
*ในความเงียบเยียบเย็นเป็นนิมิตร
ดังใกล้ชิดคนเคยใกล้ให้คิดถึง
ยิ่งยามดึกนึกหายิ่งซ่านซึ้ง
ถวิลถึงอุ่นไอที่ใจคอย
*เอนกายลงตรงผืนดินอิงยอดหญ้า
ห่มกายาด้วยแสงดาวคราวเคลื่อนคล้อย
รอทิวาพาอรุณรุ่งเลิศลอย
และรอคอยคนไกลให้คืนเคียง ฯ
* * * * * * *
แม่นางส้มลิ้ม
เสมอเสมือนจันทราจักปราศรัย
ด้วยถ้อยคำพร่ำรักจากดวงใจ
สู่ดาราสกาวใสในนภา
*วายุพัดผิวแผ่วแว่วลมโบก
สงบโลกปลอบดินถึงถิ่นฟ้า
นิทรารมย์ห่มหุ้มดวงวิญญา
แนบโลกาด้วยแสงฉายจากกายจันทร์
*กรุ่นกมลอลอวลด้วยมวลไม้
กลิ่นกำจายรายล้อมกล่อมขวัญ
รัญจวนใจให้คนึงซึ่งสุขสันต์
ในคืนวันอันสงบจบทิวา
*แว่วยินเสียงร้องริกกระซิกกระซิบ
มีแสงวิบวับวาวพราวเวหา
มวลแมลงแข่งรับขับดุริยา
หิ่งห้อยน้อยล่องลอยมาพาคำนึง
*ในความเงียบเยียบเย็นเป็นนิมิตร
ดังใกล้ชิดคนเคยใกล้ให้คิดถึง
ยิ่งยามดึกนึกหายิ่งซ่านซึ้ง
ถวิลถึงอุ่นไอที่ใจคอย
*เอนกายลงตรงผืนดินอิงยอดหญ้า
ห่มกายาด้วยแสงดาวคราวเคลื่อนคล้อย
รอทิวาพาอรุณรุ่งเลิศลอย
และรอคอยคนไกลให้คืนเคียง ฯ
* * * * * * *
แม่นางส้มลิ้ม
23 พ.ย. 2550
วานจันทร์
oผลิจันทร์ลอยจันทร์เด่น...ระเริงเล่นระเด่นดวง
ค่อนคืนสิจะล่วง..........นวลอาบดวงอยู่ยวงไย
ค่ำมืดที่จืดกร่อย.........ลมละห้อยยังลอยไป
ดึกดื่นคืนยาวไกล........จะโลมไล้ฤทัยตรม
oวานจันทร์ช่วยปันแสง....ชะรอยแล้งแห่งระทม
ปัดไล่ความระงม.........ที่ผสมอยู่ถมทรวง
วานปัดขจัดเป่า..........เถอะนะเจ้าเจ้าจันทร์จวง
ใจข้าจะล้าดวง..........สิจะร่วงอยู่รำไร
oลมเรื่อยละเลื้อยล่อง....ท่วงทำนองสิก้องใจ
วอนจันทร์ชำระไป.......ผิว่าใจได้คืนแรง
ค่อนคืนตื่นตระหนก......ใจช้ำฟกในอกแฝงฯ
กลัวนวลจะไร้แรง.......จะไร้แสงเหมือนแรงตัว
oคืนเหงาและเงาจันทร์....ลมสะบั้นอยู่ระรัว
โอบอกสะทกทั่ว........สะทกกลัวจับขั้วใจ
วานจันทร์เถอะจันทร์เจ้า...วาระเศร้าเข้าโอบไอ
โปรดไล่ระเหยไป.......ผิว่าใจได้หยัดยืน
ค่อนคืนสิจะล่วง..........นวลอาบดวงอยู่ยวงไย
ค่ำมืดที่จืดกร่อย.........ลมละห้อยยังลอยไป
ดึกดื่นคืนยาวไกล........จะโลมไล้ฤทัยตรม
oวานจันทร์ช่วยปันแสง....ชะรอยแล้งแห่งระทม
ปัดไล่ความระงม.........ที่ผสมอยู่ถมทรวง
วานปัดขจัดเป่า..........เถอะนะเจ้าเจ้าจันทร์จวง
ใจข้าจะล้าดวง..........สิจะร่วงอยู่รำไร
oลมเรื่อยละเลื้อยล่อง....ท่วงทำนองสิก้องใจ
วอนจันทร์ชำระไป.......ผิว่าใจได้คืนแรง
ค่อนคืนตื่นตระหนก......ใจช้ำฟกในอกแฝงฯ
กลัวนวลจะไร้แรง.......จะไร้แสงเหมือนแรงตัว
oคืนเหงาและเงาจันทร์....ลมสะบั้นอยู่ระรัว
โอบอกสะทกทั่ว........สะทกกลัวจับขั้วใจ
วานจันทร์เถอะจันทร์เจ้า...วาระเศร้าเข้าโอบไอ
โปรดไล่ระเหยไป.......ผิว่าใจได้หยัดยืน
21 พ.ย. 2550
จดหมายจากปลายขนำ/พี่ท่านธุลีดิน
รัตตัญญูผู้รู้ราตรีนาน
ผ่านเรื่องราวหนาวร้อนมาหลายยุค
ผ่านล้มลุกรักลาจนชาเฉย
จมน้ำตาทารุณจนคุ้นเคย
ล่วงลุเลยอารมณ์บ่มวิญญาณ
เดินทางไปสุดหล้าค้นหาฝัน
ข้ามคืนวันขื่นข้นทั้งขมหวาน
เรียนรู้โลกรุกรับอยู่กับกาล
ทรมานสุขเศร้าล้วนเคล้ากัน
จากเห็นโลกอย่างโลกเป็นโลกอยู่
ก็กลับดูเป็นอื่นราวตื่นฝัน
มุทะลุแกว่นกล้าท้าประจัญ
จะโรมรันโลกร้ายด้วยกายใจ
ผ่านเรื่องราวหลายหลากฝากรอยแผล
จึงกลับแลเห็นโลกเป็นโลกใหม่
สงบนิ่งอิงสุขทุกสิ่งไป
ล้วนฝากไว้งันเหงาในเงากาล
ราตรีเคลื่อนเดือนคล้อยดาวลอยลับ
เนิ่นนิ่งกับเรือนใจไร้คำขาน
รัตตัญญูผู้รู้ราตรีนาน
มองโลกผ่านม่านเงาอย่างเข้าใจ ฯ
ผ่านเรื่องราวหนาวร้อนมาหลายยุค
ผ่านล้มลุกรักลาจนชาเฉย
จมน้ำตาทารุณจนคุ้นเคย
ล่วงลุเลยอารมณ์บ่มวิญญาณ
เดินทางไปสุดหล้าค้นหาฝัน
ข้ามคืนวันขื่นข้นทั้งขมหวาน
เรียนรู้โลกรุกรับอยู่กับกาล
ทรมานสุขเศร้าล้วนเคล้ากัน
จากเห็นโลกอย่างโลกเป็นโลกอยู่
ก็กลับดูเป็นอื่นราวตื่นฝัน
มุทะลุแกว่นกล้าท้าประจัญ
จะโรมรันโลกร้ายด้วยกายใจ
ผ่านเรื่องราวหลายหลากฝากรอยแผล
จึงกลับแลเห็นโลกเป็นโลกใหม่
สงบนิ่งอิงสุขทุกสิ่งไป
ล้วนฝากไว้งันเหงาในเงากาล
ราตรีเคลื่อนเดือนคล้อยดาวลอยลับ
เนิ่นนิ่งกับเรือนใจไร้คำขาน
รัตตัญญูผู้รู้ราตรีนาน
มองโลกผ่านม่านเงาอย่างเข้าใจ ฯ
17 พ.ย. 2550
ผู้รู้ราตรีนาน
ท่านผู้เฒ่าเฝ้ามองบนท้องฟ้า
เบื้องนภาราตรีนี้พร่างแสง
ลมระบายป้ายผิวอยู่ริ้วแรง
เรไรแฝงสำเนียงในเวียงไพร
ดึกสงัดอยู่บัดนี้ ณ ที่หนึ่ง
รอยรำพึงถึงวันวาน,ถึงกาลไหน?
กร้านเหี่ยวย่นบนดวงหน้าผู้มาไกล
แถลงไขถึงวิถีที่แรมรอน
ย่นอดีตขีดทบเข้าขบคิด
แห่งชีวิต แห่งวิญญาน แห่งกาลก่อน
เคยทุกข์หนัก เคยอ่อนล้า เคยอาวรณ์
เคยทอดถอดกระทั่งกู้สู้ชะตา
เคยรู้รสอดอยากจนปากซีด
ครั้งอดีตแก่งแย่งแสวงหา
เคยรู้รสสุขล้นท้นอุรา
ครั้งชะตาขีดทางเข้าข้างตน
ดึกสงัดอยู่บัดนี้ ณ ที่นั่น
หนึ่ง'รัตตัญญู'อยู่มองท้องถนน
แววตาฝ้าจับฟ้าเรืองอยู่เบื้องบน
อีกสักหนเผื่อค้นพบประสบการณ์
อีกกี่คืนได้ตื่นหวนทวนชีวิต
ผลิผลิตอุธาหรณ์สอนลูกหลาน
รัตตัญญู=ผู้รู้ราตรีนาน
ผู้เบิกบานในรอยย่ำของค่ำคืน
ผิวหยาบย่นบนริ้วมือคืออดีต
อันเค้นขีดชะตาตนอย่างทนฝืน
ท่านผู้เฒ่าพิจลายมือก่อนยื้อยืน
ลูกไปอื่น หลานจากหาย..หลายราตรี
ที่คั่นหนังสือ
เบื้องนภาราตรีนี้พร่างแสง
ลมระบายป้ายผิวอยู่ริ้วแรง
เรไรแฝงสำเนียงในเวียงไพร
ดึกสงัดอยู่บัดนี้ ณ ที่หนึ่ง
รอยรำพึงถึงวันวาน,ถึงกาลไหน?
กร้านเหี่ยวย่นบนดวงหน้าผู้มาไกล
แถลงไขถึงวิถีที่แรมรอน
ย่นอดีตขีดทบเข้าขบคิด
แห่งชีวิต แห่งวิญญาน แห่งกาลก่อน
เคยทุกข์หนัก เคยอ่อนล้า เคยอาวรณ์
เคยทอดถอดกระทั่งกู้สู้ชะตา
เคยรู้รสอดอยากจนปากซีด
ครั้งอดีตแก่งแย่งแสวงหา
เคยรู้รสสุขล้นท้นอุรา
ครั้งชะตาขีดทางเข้าข้างตน
ดึกสงัดอยู่บัดนี้ ณ ที่นั่น
หนึ่ง'รัตตัญญู'อยู่มองท้องถนน
แววตาฝ้าจับฟ้าเรืองอยู่เบื้องบน
อีกสักหนเผื่อค้นพบประสบการณ์
อีกกี่คืนได้ตื่นหวนทวนชีวิต
ผลิผลิตอุธาหรณ์สอนลูกหลาน
รัตตัญญู=ผู้รู้ราตรีนาน
ผู้เบิกบานในรอยย่ำของค่ำคืน
ผิวหยาบย่นบนริ้วมือคืออดีต
อันเค้นขีดชะตาตนอย่างทนฝืน
ท่านผู้เฒ่าพิจลายมือก่อนยื้อยืน
ลูกไปอื่น หลานจากหาย..หลายราตรี
ที่คั่นหนังสือ
7 พ.ย. 2550
จดหมายจากปลายขนำ/พี่ท่านธุลีดิน
มาแล้วขอรับท่านคั่น
ผ่านวันเหนื่อยหนักนักหนา
บางครั้งสว่างคาตา
ทรมาอยู่กับความอภิรมย์
นั่งเกลาขัดสีนิยายอ่อนหัด
เดี๋ยวตรงโน้นติดขัดเดี๋ยวตรงนี้มิเหมาะสม
ยิ่งทวนยิ่งเห็นจะเป็นลม
สะกดผิดไว้จมเลยทั่น
โชคดีมิ่งมิตรสะกิดสะเกา
ผ่อนเบาไปได้หลายขนาน
ปวดเศียรเวียนวนจนวันวาน
ก็เป็นอันเสร็จสมอารมณ์ปอง
แต่นี้คงแวะบ่อยขึ้น
กลอนไม่รื่นก็จะมาสนอง
ร่วมร้อยรับรองล้อคลอทำนอง
ขับบรรเลงร้อยกรองกวีกานต์
เออแน่ะ! ทั่นคั่นที่เคารพ
มาได้พบก็อยากชวนสรวลสนาน
จะดีไหมใคร่วานเพื่อนเปิดเรือนชาน
เป็นอาศรมกรองกานต์พิมานกลอน
เก็บรวมรวมบ้านนักกลอนอักษรขยัน
เชิญเหล่าทั่นร่วมถักลายอักษร
แลกลิ้งค์กันในเหล่าเผ่าภมร
ได้สัญจรไปมาชวนพาที
เป็นเรือนไทยปั้นลมดูกลมเกลี้ยง
แว่วยินเสียงเสภาสง่าศรี
เหล่านักกลอนเอ่ยวาจาภาษากวี
ล้วนมากมีแลกคำเป็นทำนอง
แล้วสังคมในฝันอาจพลันเกิด
ได้ชูเชิดฉันทลักษณ์ประจักผอง
รสประพันธ์สรรล้ำประคำกรอง
ช่วยประคองสืบสานให้นานไป
โอ..แค่ฝันก็เพลินจำเริญแล้ว
ต้องรีบแจวลาก่อนตอนยังไหว
ที่ว่ามาอย่าถือมือมันไว
กลอนพาไปพาจรตะลอนลุย
แล้วจะมาคารวะเป็นระลอก
ฉิ้งกระฉอกวัจนาชวนฮาหุย
ว่างเมื่อไรแวะหากะชวนคุย
นำปอยปุยอักษรามากำนัล
จงจำเริญในการทุกงานล่วง
แลโชติช่วงเรื่อยไปดังใจฝัน
มีสาวแก่แม่ม่ายหมายผูกพัน
ขอท่านคั่นสุขาสถาพร ฯ
ผ่านวันเหนื่อยหนักนักหนา
บางครั้งสว่างคาตา
ทรมาอยู่กับความอภิรมย์
นั่งเกลาขัดสีนิยายอ่อนหัด
เดี๋ยวตรงโน้นติดขัดเดี๋ยวตรงนี้มิเหมาะสม
ยิ่งทวนยิ่งเห็นจะเป็นลม
สะกดผิดไว้จมเลยทั่น
โชคดีมิ่งมิตรสะกิดสะเกา
ผ่อนเบาไปได้หลายขนาน
ปวดเศียรเวียนวนจนวันวาน
ก็เป็นอันเสร็จสมอารมณ์ปอง
แต่นี้คงแวะบ่อยขึ้น
กลอนไม่รื่นก็จะมาสนอง
ร่วมร้อยรับรองล้อคลอทำนอง
ขับบรรเลงร้อยกรองกวีกานต์
เออแน่ะ! ทั่นคั่นที่เคารพ
มาได้พบก็อยากชวนสรวลสนาน
จะดีไหมใคร่วานเพื่อนเปิดเรือนชาน
เป็นอาศรมกรองกานต์พิมานกลอน
เก็บรวมรวมบ้านนักกลอนอักษรขยัน
เชิญเหล่าทั่นร่วมถักลายอักษร
แลกลิ้งค์กันในเหล่าเผ่าภมร
ได้สัญจรไปมาชวนพาที
เป็นเรือนไทยปั้นลมดูกลมเกลี้ยง
แว่วยินเสียงเสภาสง่าศรี
เหล่านักกลอนเอ่ยวาจาภาษากวี
ล้วนมากมีแลกคำเป็นทำนอง
แล้วสังคมในฝันอาจพลันเกิด
ได้ชูเชิดฉันทลักษณ์ประจักผอง
รสประพันธ์สรรล้ำประคำกรอง
ช่วยประคองสืบสานให้นานไป
โอ..แค่ฝันก็เพลินจำเริญแล้ว
ต้องรีบแจวลาก่อนตอนยังไหว
ที่ว่ามาอย่าถือมือมันไว
กลอนพาไปพาจรตะลอนลุย
แล้วจะมาคารวะเป็นระลอก
ฉิ้งกระฉอกวัจนาชวนฮาหุย
ว่างเมื่อไรแวะหากะชวนคุย
นำปอยปุยอักษรามากำนัล
จงจำเริญในการทุกงานล่วง
แลโชติช่วงเรื่อยไปดังใจฝัน
มีสาวแก่แม่ม่ายหมายผูกพัน
ขอท่านคั่นสุขาสถาพร ฯ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)