28 พ.ย. 2550

น้ำตาต้นไม้

เสียงหวีดหวิวปลิวลมระทมเรื่อง
ใบบิดปลิดเหลืองสู่เบื้องล่าง
ก้านกิ่งโกร๋นเกรียนเตียนทาง
ชะโรยลมสะอื้นว้างหว่างตุ่มตา

เปลือกกร้านผ่านโลกอย่างโชกโชน
เขียวใบเคยไหวโอนโยนหยอกฟ้า
ก้านกิ่งเคยอิงเนาเหล่านกกา
รากอ่อนชอนท้าประดาดิน

เคยแปลงแดดเป็นแผดเงาให้เขาซุก
คลอดผลสุกเป็นลูกเรื่อก็เผื่อสิ้น
ผลแห่งเราปวงเขาก็เคยกิน
ระแหงดินก็เคยซับให้ดับไอ

ลมวิปโยคกระโชกชั้นเคยกันบัง
น้ำหลากหลั่งท่วมทับเคยซับให้
อากาศเน่าก็เข้ารับเคยซับใบ
อากาศใหม่ให้คืนเขาเราก็ทำ

เสียงหวีดหวิวปลิวลมผสมขื่น
เสียงสะอื้นกลืนแน่นในแก่นช้ำ
สั่นสะท้านน่านป่าพนาธรรมฯ
วีระกรรมแห่งเราเขาไม่เห็น

พลันเสียงนั้นก็พลันลบด้วยกลบเสียง
แห่งสำเนียงเครื่องยนต์อันข้นเค้น
คำรามก้องกลืนกระเดือกยะเยือกเย็น
ขบซี่เน้นเตรียมขย้ำอยู่ตำตา

น้ำตาหว่างต่างตุ่มค่อยสุมเอ่อ
เรียวกิ่งเผลอสั่นกลัวรัวผวา
หยาดหยดยวงร่วงพร่างหว่างตุ่มตา
เนื้อแก่นกล้าหนาวอกสะทกทรวง


คั่นฯ

1 ความคิดเห็น:

DiN กล่าวว่า...

น้ำตาไม้

☉ขื่นเข่นเข็นขุกสุกไหม้
ตาไม้แตกปมขมเข้ม
เคลือบขุ่นฝุ่นลมตมเต็ม
ลามเล็มรอยแผลแผ่วง

เติบกลางเกาะน้อยต้อยติด
เบียดชิดบิดเบือนเลื่อนโล่ง
ใช่ล้อมด้วยน้ำลามลง
แต่คือกลางดงคอนกรีต

รดด้วยไอเสียไอสาบ
ซึมซาบรากเซียวเรียวรีด
เซาะซับกากดินกินกรีด
ซมซีดซากเขียวเรียวใบ

แคระแกร็นแข็งแห้งเกร็งทั่ว
ตมตุ่มตามัวหม่นไหม้
ก้านโกร๋นกิ่งกร่อนกล้อนไป
..
..
จึงตุ่มตาไม้ไร้น้ำตา ฯ

ก ร ะ ท่ อ ม ธุ ลี ดิ น