17 พ.ย. 2550

ผู้รู้ราตรีนาน

ท่านผู้เฒ่าเฝ้ามองบนท้องฟ้า
เบื้องนภาราตรีนี้พร่างแสง
ลมระบายป้ายผิวอยู่ริ้วแรง
เรไรแฝงสำเนียงในเวียงไพร

ดึกสงัดอยู่บัดนี้ ณ ที่หนึ่ง
รอยรำพึงถึงวันวาน,ถึงกาลไหน?
กร้านเหี่ยวย่นบนดวงหน้าผู้มาไกล
แถลงไขถึงวิถีที่แรมรอน

ย่นอดีตขีดทบเข้าขบคิด
แห่งชีวิต แห่งวิญญาน แห่งกาลก่อน
เคยทุกข์หนัก เคยอ่อนล้า เคยอาวรณ์
เคยทอดถอดกระทั่งกู้สู้ชะตา

เคยรู้รสอดอยากจนปากซีด
ครั้งอดีตแก่งแย่งแสวงหา
เคยรู้รสสุขล้นท้นอุรา
ครั้งชะตาขีดทางเข้าข้างตน

ดึกสงัดอยู่บัดนี้ ณ ที่นั่น
หนึ่ง'รัตตัญญู'อยู่มองท้องถนน
แววตาฝ้าจับฟ้าเรืองอยู่เบื้องบน
อีกสักหนเผื่อค้นพบประสบการณ์

อีกกี่คืนได้ตื่นหวนทวนชีวิต
ผลิผลิตอุธาหรณ์สอนลูกหลาน
รัตตัญญู=ผู้รู้ราตรีนาน
ผู้เบิกบานในรอยย่ำของค่ำคืน

ผิวหยาบย่นบนริ้วมือคืออดีต
อันเค้นขีดชะตาตนอย่างทนฝืน
ท่านผู้เฒ่าพิจลายมือก่อนยื้อยืน
ลูกไปอื่น หลานจากหาย..หลายราตรี

ที่คั่นหนังสือ

2 ความคิดเห็น:

DiN กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับคำไขขอรับท่านคั่น
โดยเฉพาะนามอ้างอิงอันท่านเอ่ยถึง
ล้วนคือคุณบุคคลอันข้าพเจ้าบูชา

คารวะ

DiN กล่าวว่า...

รัตตัญญูผู้รู้ราตรีนาน

☉ ผ่านเรื่องราวหนาวร้อนมาหลายยุค
ผ่านล้มลุกรักลาจนชาเฉย
จมน้ำตาทารุณจนคุ้นเคย
ล่วงลุเลยอารมณ์บ่มวิญญาณ

เดินทางไปสุดหล้าค้นหาฝัน
ข้ามคืนวันขื่นข้นทั้งขมหวาน
เรียนรู้โลกรุกรับอยู่กับกาล
ทรมานสุขเศร้าล้วนเคล้ากัน

จากเห็นโลกอย่างโลกเป็นโลกอยู่
ก็กลับดูเป็นอื่นราวตื่นฝัน
มุทะลุแกว่นกล้าท้าประจัญ
จะโรมรันโลกร้ายด้วยกายใจ

ผ่านเรื่องราวหลายหลากฝากรอยแผล
จึงกลับแลเห็นโลกเป็นโลกใหม่
สงบนิ่งอิงสุขทุกสิ่งไป
ล้วนฝากไว้งันเหงาในเงากาล

ราตรีเคลื่อนเดือนคล้อยดาวลอยลับ
เนิ่นนิ่งกับเรือนใจไร้คำขาน
รัตตัญญูผู้รู้ราตรีนาน
มองโลกผ่านม่านเงาอย่างเข้าใจ ฯ