*ในราตรีมีแสงด้วยแรงเดือน
เสมอเสมือนจันทราจักปราศรัย
ด้วยถ้อยคำพร่ำรักจากดวงใจ
สู่ดาราสกาวใสในนภา
*วายุพัดผิวแผ่วแว่วลมโบก
สงบโลกปลอบดินถึงถิ่นฟ้า
นิทรารมย์ห่มหุ้มดวงวิญญา
แนบโลกาด้วยแสงฉายจากกายจันทร์
*กรุ่นกมลอลอวลด้วยมวลไม้
กลิ่นกำจายรายล้อมกล่อมขวัญ
รัญจวนใจให้คนึงซึ่งสุขสันต์
ในคืนวันอันสงบจบทิวา
*แว่วยินเสียงร้องริกกระซิกกระซิบ
มีแสงวิบวับวาวพราวเวหา
มวลแมลงแข่งรับขับดุริยา
หิ่งห้อยน้อยล่องลอยมาพาคำนึง
*ในความเงียบเยียบเย็นเป็นนิมิตร
ดังใกล้ชิดคนเคยใกล้ให้คิดถึง
ยิ่งยามดึกนึกหายิ่งซ่านซึ้ง
ถวิลถึงอุ่นไอที่ใจคอย
*เอนกายลงตรงผืนดินอิงยอดหญ้า
ห่มกายาด้วยแสงดาวคราวเคลื่อนคล้อย
รอทิวาพาอรุณรุ่งเลิศลอย
และรอคอยคนไกลให้คืนเคียง ฯ
* * * * * * *
แม่นางส้มลิ้ม
25 พ.ย. 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
1 ความคิดเห็น:
☉ในราตรีตรงนี้ไม่มีแสง
เรื่อยสายลมโรยแรงมาแฝงฝัน
ยังลืมตาผวาตื่นผ่านคืนวัน
สงัดงันในโลกสงบเงา
รัตติกาลคลี่ม่านมานานเนิ่น
ยังคล้ายเพลินย่ำไปในความเหงา
กระซิบเสียงเสภามาแผ่วเบา
จึงแนบเนามิตรอักษรเป็นคอนเคียง
ในโลกฝันอันร้างอ้างว้างนัก
ได้พิงพักดวงใจแม้ไร้เสียง
อุ่นอักษรกลอนหวานจารจำเรียง
ก็สุขเพียงสวรรค์วิมานแมน
ป่านฉะนี้ส้มลิ้มคงหลับฝัน
แลท่านคั่นก็คงกรนจนสุขแสน
ณ ราตรีกระจ่างทั้งดินแดน
คงเหมือนแม้นอมฤตดุสิตา
เรื่อยสายลมโชยช้ามาฉ่ำชื่น
เย็นระรื่นคืนคล้อยละห้อยหา
ผ่านราตรีอีกครู่สู่ทิวา
ฝากสายลมอักษรามากล่อมนอน ฯ
แสดงความคิดเห็น