25 ส.ค. 2550

ปณิธานนักเดินทาง

ด้วยหัวใจข้าจักไปถึงปลายทาง....

จะสิ้นใจเสียก็ช่าง ระหว่างถึง
จะเจ็บเอียนเจียนกระอักจักหมายพึง
ถึงที่หนึ่งซึ่งเฝ้าฝัน(ถึง)มันมานาน


อกเพียงศอกจะออกเดินให้เกินกล้า
ขอทายท้าทางทุรฯอย่างฉะฉาน
ขอโจนใส่ความถดท้อทรมาน
จักก้าวผ่านด้วยหัวใจ ให้ฟ้ามอง


ภูฯตระหง่านจักก้าวผ่านอย่างหาญห้าว
ทุกท่วงก้าวคือแรงไฝ่ใจสนอง
ทุกปีนป่ายคือไฟฝันแห่งครรลอง
ทุกหม่นหมองคือแรงเลื่อนให้เคลื่อนไป


มหาทะเลหากว้าเหว่เกินคะเนคาด
จะว่ายวาดอย่างกัดฟันไม่หวั่นไหว
โพ้นขอบฟ้า ฝั่งฝัน หากมันไกล
ขอท้าวัดด้วยแรงใจ ให้รู้กัน


แด่ กำลังใจที่ยังโผล่มาให้ได้เห็น

1 ความคิดเห็น:

DiN กล่าวว่า...

http://www.blogger.com/blog-this.g

อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านคั่น

ข้าพเจ้าก็พบเจอปัญหาเดียวกัลล์กับท่าน
คำสำผัสในกะโหลกกลวง ๆ ของข้าพเจ้ามีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย บั้นต้นหาได้รู้ตัวไม่ดอกขอรับ แต่ครั้นเขียนบ่อยขึ้นเริ่มพบว่า "เอ็งมันเล่นสัมผัสเดิม ๆ นี่หว่า!"

พบเจอเข้าเช่นนั้นข้าพเจ้าเป็นอันตกตะลึงอยู่สองวิฯ จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไรเล่าขอรับ ในเมื่อเป็นการค้นพบที่สร้างความประหวั่นพรั่นใจ ไม่น่าเชื่อ...ถ้อยคำออกมากมาย แต่ยามต้องการคำสัมผัสกลับหาแทบไม่เห็น บางครั้งมีอยู่แค่ตัวหรือสองตัวให้เลือก ข้าพเจ้าก็ใช้เจ้าตัวสองตัวนั้นอยู่นั่นแล้ว

ทีนี้ก็เซ็งตัวเองสิขอรับ (มีปนละอายมาด้วยนิดหน่อย)

ยามนั้นกระท่อมน้อยกลางทุ่งของข้าพเจ้าอัตคัตขัดสนนักกับหนังสือบทกวีสักเล่ม
โชคดีย่าหนุงที่เคารพส่งก็อปปี้ 'มัทนพาธา' มาให้เปิดหูเปิดตา (กราบขอบพระคุณขะร้าบบบบ)
ข้าพเจ้าอ่านก่อนนอนเสียสองจบ เล่นเอาฝันเป็นฉันท์กันเลยทีเดียวล่ะทั่น

ยามนั้นเหล่าหนอนอักษรสัมผัสในกะโหลกคึกคักกันถ้วนหน้า (แม้จะรู้ดีว่ายังมีกันน้อยเหมียนเดิมก็เถอะ)

เพียงใคร่เรียนท่านว่า ขออย่าได้วางปากกาเลยขอรับ
เขียนเป็นเอ้าท์พุท
อ่านเป็นอินพุท
ทั้งสองมีความสำคัญเท่าเทียมกัน (ในมาตราชั่งวัดของนักหัดเขียน)
กันเวลาแต่ละวันให้ทั้งสองอย่างเท่า ๆ กันมากน้อยแล้วแต่ข้อกำหนดในการดำเนินชีวิตแต่ละเราท่าน

พบกันที่กวีบทต่อไปขอรับ

คารวะ
สหายดิน